วงจรสิว หน้าพัง อาจเกิดจากภูมิแพ้อาหารแฝง
สิว เป็นปัญหาที่หนักใจ เรื้อรังและแก้ยาก สำหรับใครหลายๆ คน
ถ้าจะพูดถึงปัญหาเรื่องสิวสำหรับใครหลาย ๆ คนอาจเป็นปัญหาที่หนักใจและสร้างความรำคาญได้ ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่เรื้อรังรักษายากและอาจทำให้หมดความมั่นใจในตัวเอง จนให้เกิดปัญหาการเข้าสังคมได้
- ฮอร์โมนเพศ
- การนอนดึก
- ภาวะเครียด
- การรับประทานอาหารรสหวานหรือมันมากจนเกินไป
- การอุดตันจากการรักษาความสะอาดไม่ดีหรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
สิว เกี่ยวข้องกับภูมิแพ้อาหารแฝงอย่างไร
ภูมิแพ้อาหารแฝง คือ ภาวะที่เมื่อเรารับประทานอาหารชนิดใดในปริมาณมากบ่อย ๆ ประกอบกับร่างกายเกิดภาวะลำไส้รั่ว ทำให้มีอาหารที่ย่อยได้ไม่หมดหลุดลอยเข้าไปในกระแสเลือด หลังจากนั้นเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะออกมาสร้างภูมิคุ้มเพื่อต่อต้านและก่อให้เกิดการอักเสบได้ทุก ๆ อวัยวะในร่างกาย โดยอาการที่เกิดจะไม่ได้เกิดทันที แต่จะค่อย ๆ เกิดตามมาภายหลัง หลายชั่วโมงหรือเป็นวัน และอาการมักจะไม่รุนแรง แต่จะเกิดได้ทุก ๆ ระบบในร่างกาย เช่น อาการผื่นหรือสิวเรื้อรัง อาการทางเดินหายใจ ภูมิแพ้เรื้อรัง อาการทางระบบลำไส้ ท้องอืด ท้องผูก กรดไหลย้อน อาการทางระบบประสาทสมอง นอนไม่หลับ ปวดศีรษะไมเกรน เป็นต้น
ดังนั้นคนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด แม้จะพยายามรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ก็ไม่ได้ผล แท้ที่จริงแล้วอาจมีสาเหตุเกิดจากภูมิแพ้อาหารแฝงก็เป็นได้ เพราะเมื่อเกิดอาการแพ้อาหารแฝง จะสามารถก่อให้เกิดการอักเสบทุก ๆ อวัยวะในร่างกาย จึงสามารถเกิดที่ชั้นผิวหนังได้ ซึ่งพบได้ค่อยข้างบ่อยทีเดียว
เราสามารถรู้ได้อย่างไรว่าเรามีภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงหรือไม่
เราสามารถตรวจเลือดเพื่อหาได้ว่าเรามีภูมิแพ้อาหารแฝงหรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจชนิดอาหารที่สามารถแพ้ได้มากถึง 222 ชนิด ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่สะดวกสบาย ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนมาตรวจและทราบผลภายใน 2 สัปดาห์
เมื่อตรวจพบว่าเรามีภูมิแพ้อาหารแฝงแล้ว เราจะรักษาได้อย่างไร
การรักษาภูมิแพ้อาหารแฝงจะแบ่งเป็น 3 ระดับ ระดับสีแดง บ่งบอกถึงมีการแพ้มากแนะนำให้หยุดอาหารในกลุ่มนี้ 3 - 6 เดือน ระดับสีเหลือง บ่งบอกถึงมีการแพ้เล็กน้อยถึงปานกลาง แนะนำให้รับประทานอาหารในกลุ่มนี้ไม่เกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และระดับสีเขียว บ่งบอกถึงไม่มีการแพ้สามารถรับประทานได้ตามปกติ เมื่อหยุดอาหารในกลุ่มสีแดงไปเป็นระยะเวลา 3 - 6 เดือน และอาการแพ้หายไปเราสามารถกลับมารับประทานอาหารในกลุ่มสีแดงได้ใหม่แต่ในปริมาณที่เหมาะสมไม่รับประทานครั้งละมาก ๆ หรือบ่อยเกินไป เพราะจะสามารถทำให้กลับมาแพ้ได้ใหม่
โดย พญ.สุวรรณี ศิริวิมลานันท์
แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
Wellness & Anti Aging Center