PM 2.5 ฝุ่นตัวร้าย จัดการได้ด้วย IV Chelation

       ในปัจจุบัน สภาพอากาศและสภาพแวดล้อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ ควัน สารเคมี หรือแม้แต่ฝุ่น PM 2.5 ที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดว่าเป็นฝุ่นที่อันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโลหะหนักในร่างกาย โดยกลุ่มโลหะหนักที่พบบ่อย ได้แก่ อะลูมิเนียม ตะกั่ว ปรอท สารหนู แคดเมียม เมื่อร่างกายได้รับสารพิษโลหะหนักเข้าไปสะสมในปริมาณมาก จึงทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ทั้งรูปแบบการรับประทานเข้าไป การสูดดม หรือแม้แต่การสัมผัสทางผิวหนังก็ตาม

ฝุ่นมลพิษร้ายทำลายสุขภาพ

       ฝุ่น PM 2.5 จัดว่าเป็นมลพิษที่มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างมากในบรรดามลพิษทางอากาศ เนื่องจากฝุ่นมีขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถเข้าไปได้ถึงทางเดินหายใจ ปอด และเข้าสู่ทั่วร่างกายได้ง่าย ซึ่งฝุ่นมลพิษนี้ จะทำให้รู้สึกไม่สบาย แสบจมูก ไอ มีเสมหะ และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

1. ปอด

       ส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเกิดอาการกำเริบได้ง่าย เพราะสามารถผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเป็นสาเหตุของคนที่ไม่เป็นโรคให้เป็นโรคหอบหืดได้อีกด้วย

2. หัวใจ

       เกิดตะกอนในเส้นเลือด จนทำให้หัวใจวายหรือเส้นเลือดหัวใจตีบได้  อีกทั้งยังส่งผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เต้นผิดจังหวะ และอาจรุนแรงจนส่งผลให้เกิดหัวใจวายเฉียบพลัน

3. สมอง

       เมื่อฝุ่นขนาดเล็กสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการสะสมมากขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงและมีความหนืด ซึ่งทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในสมอง ทำให้เส้นเลือดสมองตีบหรือแตกได้ รวมทั้งยังส่งผลถึงความจำ สมาธิ และการนอนหลับอีกด้วย

4. ผิวหนัง

       ทำให้เกิดผื่นคัน ผื่นลมพิษ ผื่นแพ้เรื้อรัง และสิวเรื้อรังได้

ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจากฝุ่น PM 2.5

       ทุกคนที่กำลังประสบปัญหาฝุ่นมลพิษนี้มีความเสี่ยงแตกต่างกันตามสถานที่ที่อยู่ แต่ความเสี่ยงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละบุคคล กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมาก ได้แก่

• เด็ก มีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าผู้ใหญ่ อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายยังไม่ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ การสูดฝุ่นมลพิษ จึงทำให้ขัดขวางการเจริญเติบโตและส่งผลต่อการเกิดโรคร้ายแรงในอนาคตได้
• หญิงมีครรภ์ มีการศึกษาพบว่า มลพิษในอากาศมีผลต่อการคลอดก่อนกำหนด เสี่ยงแท้งบุตร และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ได้
• ผู้สูงอายุ เนื่องจากประสิทธิภาพระบบการทำงานของร่างกายลดลง ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงตามไปด้วย อาจมีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากฝุ่น PM 5 มากกว่าช่วงวัยอื่น
• ผู้ป่วยหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันอยู่ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปติ อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงได้

วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5

1. ใส่หน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ เช่น N95
2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือการอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งในวันที่ PM 2.5 สูง
3. ออกกำลังกายและทำกิจกรรมภายในตัวอาคารในวันที่ PM 2.5 สูง
4. งดสูบบุหรี่หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดควัน
5. ดูแลตัวเองให้มีภูมิคุ้มกันสูงอยู่เสมอ เช่น รับประทานผักผลไม้เป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการนอนดึก และรับประทานอาการเสริมที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน